Thank : http://www.ipecp.ac.th/cgi-binn/BP1/Program/chapter2/p1.html
วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554
7.หลักฐานจากการปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์
การปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์ เป็นการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิต โดยอาศัยความรู้เรื่องการคัดเลือก พันธุ์และผสมพันธุ์โดยมนุษย์ตัวอย่างเช่น ข้าวโพดที่ปลูกกันในปัจจุบันมีหลายพันธุ์ เช่น พันธุ์สุวรรณ1 พันธุ์ปากช่อง1602พันธุ์ฮาวายหวานพิเศษ ข้าวโพดพันธุ์สุวรรณ 1 เป็นที่นิยมปลูกกันมากได้มาจาก การคัดเลือก พันธุ์และผสมพันธุ์ ของข้าวโพดที่มีลักษณะเด่นจากเขตร้อนในแถบต่างๆ ของโลกจํานวน36พันธุ์ด้วยกัน ลักษณะพิเศษของข้าวโพดพันธุ์นี้คือเมล็ดแข็ง ใสสีส้มต้านทานโรครานํ้าค้างได้ดี และให้ผลผลิตสูง ประเทศไทยได้มีการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโดยใช้สารกัมมันตรังสีตั้งแต่ปี 2498 ข้าวพันธุ์กข6 กข10 และ กข15 เป็นพันธุ์ที่เกิดขึ้นโดยใช้รังสีทั้งสิ้น ข้าวพันธุ์กข 6 เป็นพันธุ์ข้าวเหนียวได้มาจากการเปลี่ยนแปลงพันธุ์ -h้าวเจ้าขาวดอกมะลิ105 มีลักษณะพิเศษคือให้ผลผลิตสูงต้านทานโรคไหม้ และโรคใบจุดสีนํ้าตาลได้ดีหลักฐานเหล่านี้ แสดงว่าสิ่งมีชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นในอดีตอันยาวนาน สิ่งมีชีวิตในธรรมชาติก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ได้เช่นกันซึ่งอาจเกิดในอัตราที่ช้ากว่ามาก และเกิดในทิศทางที่กําหนดโดยธรรมชาติ

Thank : http://www.ipecp.ac.th/cgi-binn/BP1/Program/chapter2/p1.html
Thank : http://www.ipecp.ac.th/cgi-binn/BP1/Program/chapter2/p1.html
6.หลักฐานทางภูมิศาสตร์ของสิ่งมีชีวิต
ภูมิอากาศและภูมิประเทศเป็นตัวกําหนดที่ทําให้ มีการกระจายของพืช และสัตว์แตกต่างกันไปโดยอยู่กับความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมนั้นๆ สิ่งกีดขวางต่างๆ เช่น ภูเขา ทะเลทราย ทะเลมหาสมุทรเป็นผลให้มีการแบ่งแยกและเกิดสปีชีส์ในที่สุด เช่น การเกิดสปีชีส์ของกุ้งที่ต่างกัน 6 สปีชีส์ จากเดิมที่มีเพียงสปีชีส์เดียว แต่การเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนขยับของแผ่นทวีป ทำให้กุ้งเหล่านี้ถูกแยกจากกัน โดยสภาพทางภูมิศาสตร์ และต่างก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเมื่อเวลาผ่านไป ลักษณะความแตกต่าง จึงเพิ่มขึ้นเรื่อยจนไม่อาจผสมพันธุ์กันได้อีก เกิดเป็นกุ้งต่างสปีชีส์ขึ้น
รูปแสดงการเกิดสปีชีส์ใหม่ของกุ้งในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลคาริเบียน จากกุ้งสปีชีส์เดียวกันแต่ถูกแยกกันด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์
ที่มา : http://www.pbs.org/wgbh/evolution
ที่มา : http://www.pbs.org/wgbh/evolution
5.หลักฐานทางสรีรวิทยาและชีวเคมีเปรียบเทียบ
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะมีองค์ประกอบพื้นฐานหลักเหมือนๆ กัน เช่น ไขมัน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และกรดนิวคลีอิคและจะมีในสัดส่วนที่ไกล้เคียงกัน สิ่งมีชีวิตที่มีความสัมพันธ์ทางเชื้อสายจะมีลำดับของเบสบนสาย DNA หรือลำดับของกรดอะมิโนในโปรตีนฮีโมโกลบินเหมือนกันมากที่สุด (มีความแตกต่างกันน้อยที่สุด) เช่น คนกับชิมแพนซี หรือกับลิงรีซัส สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการมาด้วยกันจะแสดงความคล้ายคลึงในด้านโครงสร้างสรีระและชีวเคมีด้วย

Thank : http://www.thaigoodview.com/node/45137
ที่มารูปภาพ : http://www.sc.chula.ac.th/courseware/naturev2/ppt/5.pps#347,27,Slide 27
ภาพเปรียบเทียบโปรตีนฮีโมโกลบินที่เหมือนกันมากที่สุดของ คน ซิมแพนซี อุรังอุตัง กอริลลา ลิงรีซัล
ที่มารูปภาพ : http://www.sc.chula.ac.th/courseware/naturev2/ppt/5.pps#349,32,Slide 32
Thank : http://www.thaigoodview.com/node/45137
4.หลักฐานจากการศึกษาชีววิทยาในระดับโมเลกุล
ในปัจจุบันเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ก้าวหน้า ไปมาก นับตั้งแต่ที่เมนเดลได้จุดประกายการศึกษาสารพันธุกรรมในสิ่งมีชีวิต และจุดเปลี่ยนสำคัญที่เจมส์ วัตสัน (James Watson) และฟรานซิส คริก (Francis Crick) ได้ค้นพบโครงสร้างสามมิติของดีเอ็นเอ ในปี พ.ศ.2496ความรู้ทางพันธุศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการศึกษาสารพันธุกรรมหรือดีเอ็น เอก็ก้าวหน้านับแต่นั้นมา สิ่งมีชีวิตพื้นฐานทุกชนิดมีดีเอ็นเอเป็นสารพันธุกรรม (ยกเว้นไวรัสบางชนิด) ความเหมือนหรือความแตกต่างของลำดับเบสในดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด สามารถใช้บ่งชี้ถึงความใกล้ชิดกันทางวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตได้ กล่าวคือสิ่งมีชีวิตที่มีความใกล้ชิดกันเชิงวิวัฒนาการจะมีความเหมือนกันของ ดีเอ็นเอมากกว่าสิ่งมีชีวิตกลุ่มอื่น และเนื่องจากโปรตีนเป็นผลิตภัณฑ์จากรหัสของดีเอ็นเอ ดังนั้นจึงอาจใช้การศึกษาเปรียบเทียบความต่างของโปรตีนในการเปรียบเทียบความ ต่างของยีนในสิ่งมีชีวิตเพื่อศึกษาวิวัฒนาการได้เช่นกัน
ความต่างของลำดับเบสในไซโทโครม ซี ของมนุษย์ (human_cytc) และลิงชิมแพนซี (chimp_cytc) ซึ่งมีเบสต่างกันเพียง 4 ตัว จาก 318 เบส หรือคิดเป็นความแตกต่าง 1.2% แสดงว่ามนุษย์และลิงชิมแพนซีน่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันในเชิงวิวัฒนาการ (ไซโทโครม ซี เป็นโปรตีนตัวสำคัญที่ช่วยในการหายใจระดับเซลล์ พบในไมโทคอนเดรีย)
3.หลักฐานจากกายวิภาคเปรียบเทียบ
เป็นการศึกษาเปรียบเทียบโครงสร้างของระบบอวัยวะใน สัตว์ชนิดต่างๆ ดังจะพบได้ว่า โครงกระดูกขาหน้าของสัตว์ปีกและสัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบก ต่างมีโครงสร้างและลักษณะการเรียงตัวเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ของสายวิวัฒนาการของสัตว์เหล่านี้ว่าน่าจะสืบ เชื้อสายมาจากบรรพบุรุษร่วมกัน นอกจากนี้สัตว์มีกระดูกสันหลังจำพวกสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ต่างมีแบบแผนของโครงกระดูกขาหน้าเช่นเดียวกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และสัตว์ปีก เช่น ครีบโลมา ปีกค้างคาวและแขนคน เป็นต้น อวัยวะเหล่านี้เมื่อสังเกตภายนอกจะเห็นว่ามีรูปร่างต่างกัน และทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าศึกษาโครงสร้างภายใน เช่น การเรียงตัวของโครงกระดูกจะพบว่าอวัยวะเหล่านั้นมีการเรียงตัวของโครงสร้าง เหมือนกันและหากได้ศึกษาต้นกำเนิดของอวัยวะเหล่านั้นจะพบว่าเจริญมาจากกลุ่มเซลล์ชนิดเดียวกัน ซึ่งเป็นข้อสนับสนุนอีกอย่างว่าครั้งหนึ่งสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นสืบสายมาจาก บรรพบุรุษร่วมกันแต่ในสัตว์หลายชนิดจะมีอวัยวะบางอย่างที่มีรูปร่างภายนอก คล้ายคลึงกัน และทำหน้าที่เหมือนกัน เช่น ปีกนก ปีกแมลง ฯลฯ แม้จะมีรูปร่างคล้ายคลึงกัน แต่ถ้าได้ศึกษาโครงสร้างภายในและพบว่าแตกต่างกันแสดงว่าสัตว์เหล่านั้นสืบทอดมาจากบรรพบุรุษต่างกัน
สิ่งมีชีวิตบางชนิดที่มีรูปร่างลักษณะภายนอกแตกต่างกัน และไม่น่าจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่เมื่อศึกษาโครงสร้างโดยพิจารณารยางค์คู่หน้าของสัตว์มีกระดูกสันหลังบาง ชนิดแล้วนำมาเปรียบเทียบกันจะเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกัน พบว่ามีองค์ประกอบเหมือนกัน แต่ทำหน้าที่แตกต่างกันในการดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันเรียก โครงสร้างลักษณะนี้ว่า ฮอมอโลกัส(homologous structure) ซึ่งเป็นหลักฐานที่สนับสนุนว่าสัตว์มีกระดูกสันหลังกลุ่มนี้มีวิวัฒนาการมา จากบรรพบุรุษเดียวกัน
Thank : http://www.anek2009.ob.tc/evolution/embryo.html
2.หลักฐานจากการเจริญของเอมบริโอ
นักชีววิทยาศึกษา พบว่าสัตว์บางชนิดมีระยะเป็นแอมบริโอคล้ายคลึงกัน เช่น ปลาฉลาม กบ สัตว์เลื้อยคลาน ไก ลิงและคน มีระยะเป็นเอมบริโอจะเจริญเติบโตเป็นขั้นๆ ตั้งแต่ไข่ที่ได้รับการผสมเป็นไซโกตแล้วไซโกตเจริญเป็นตัวเต็มวัย ่คล้ายคลึงกันซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ทางด้านวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต

ภาพแสดงเปรียบเทียบการเจริญของเอมบริโอสัตว์มีกระดูกสันหลัง
ภาพแสดงเปรียบเทียบการเจริญของเอมบริโอสัตว์มีกระดูกสันหลัง
เฮคเคล และ มัลเลอร์ (E.H. Haeckel และ HJ. Muller) กล่าวสรุปการเจริญเติบโตตามลำดับของตัวอ่อนว่า " การเจริญเติบโตพัฒนาตามลำดับของสิ่งมีชีวิตจะย้อนรอยลักษณะต่างๆ ของ บรรรพบุรุษ " ซึ่งต่อมาแนวความคิดนี้ได้รับการเชื่อถือ และตั้งเป็นทฤษฎี เรียก ทฤษฎีการย้อนรอยบรรพบุรุษ (The recapitulation theory)
1.หลักฐานจากซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งมีชีวิต
จะมีสารCค้างอยู่และส่วนหนึ่งคือ14Cซึ่งเป็นธาตุกัมมันตภาพรังสี จะสลายตัวไปอย่างช้าๆเหลือครึ่งหนึ่งของเดิมทุกๆ5,568ปีจึงสามารถคำนวณหาอายโดยการวิเคราะห์ หาปริมาณ14C ที่เหลืออยู่ในซากดึกดำบรรพ์นั้น

รูปแสดง ซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งมีชีวิต
ยุคพบซากดึกดําบรรพ์ (fossil)
1. ซีโนโซอิกควอเตอร์นารี (3 ล้านปี )
- มนุษย์
- สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนํ้านมปัจจุบัน
- มนุษย์
- สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนํ้านมปัจจุบัน
2. มีโซโซอิกครีเตเซียส (135 ล้านปี ) ยูแรสสิก (185 ล้านปี ) ไตรแอสสิก (230 ล้านปี )
- พืชมีดอกแรกเริ่ม
- ไดโนเสาร์ นกแรกเริ่ม
- สน ปรง
- สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนํ้านมแรกเริ่ม
3. พาเลโอโซอิกคอร์บอนิเฟอรัส (355 ล้านปี )
- พืชมีท่อลําเลียงชั้นตํ่า
- สัตวเลื้อยคลาน
- สัตว์ครึ่งบกครึ่งนํ้า
- พืชมีดอกแรกเริ่ม
- ไดโนเสาร์ นกแรกเริ่ม
- สน ปรง
- สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนํ้านมแรกเริ่ม
3. พาเลโอโซอิกคอร์บอนิเฟอรัส (355 ล้านปี )
- พืชมีท่อลําเลียงชั้นตํ่า
- สัตวเลื้อยคลาน
- สัตว์ครึ่งบกครึ่งนํ้า
4. ก่อนแคมเบรียน
5. พันล้านปี
- สาหร่ายสีเขียวแกมนํ้าเงิน ตารางทางธรณีวิทยา (ศึกษาจากซากดึกดําบรรพ์ ) ในยุคต่างๆ ที่สําคัญ
๐ ซากดึกดําบรรพ์ของสิ่งมีชีวิตที่โบราณที่สุด ได้แก่ สาหร่ายสีเขียวแกมนํ้าเงิน พบมาก่อนยุคแคมเบรียน(อายุประมาณ5พันล้านปี )
๐ ซากสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สาหร่ายสีเขียว และพืชสีเขียวบนบกเริ่มพบในยุคแคมเบรียน (6ร้อยล้านปี)มหายุคพาเลโอโซอิก
๐ ซากดึกดําบรรพ์ ของสิ่งมีชีวิตที่นับว่าสมบูรณ์ ที่สุด คือ ม้าโบราณ
๐ ม้าโบราณ สูง 11 นิ้ว มีนิ้ว 3 นิ้ว ส่วนม้าปัจจุบันมีขนาดใหญ่กว่า คือสูง 60 นิ้ว มีนิ้วเหลือเพียง 1นิ้วเท่านั้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)